5 ขั้นตอน เปลี่ยนชีวิตแบบก้าวกระโดด


5 ขั้นตอน เปลี่ยนชีวิตแบบก้าวกระโดด


หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่อยากเปลี่ยนแปลงตนเองไปสู่จุดที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนัก อยากเปลี่ยนงานที่ทำ อยากออกจากความสัมพันธ์ที่เจ็บปวด หรืออะไรก็ตาม แม้ว่าจะไปซื้อหนังสือมาอ่านก็แล้ว ไปอบรมสัมมนาก็แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ นั่นเป็นเพราะอะไร?

สิ่งที่เรารู้ ไม่อาจทำให้เราเปลี่ยนแปลงได้ แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเราอย่างแท้จริง มาจากสิ่งที่เราไม่รู้

เราจะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ จนกว่าเราจะขุดลึกลงไปจนเจอ “ความเชื่อ” เบื้องลึกในจิตใจ

หากเราใช้กรรไกรตัดหญ้าออกจากสวน เพียงไม่นานหญ้าก็จะขึ้นมาเต็มอีก เป็นเพราะรากของมันยังไม่ถูกขุดออกนั่นเอง เหมือนกับพฤติกรรม ที่จะไม่สามารถเปลี่ยนได้จากการอ่านหนังสือ หรือการได้คำแนะนำดีๆจากใคร แต่มันต้องมาจาก ความปรารถนาจากจิตใจเบื้องลึก ของคุณเองเท่านั้น ต่อไปนี้เป็นวิธีการ 5 ขั้นตอนเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างก้าวกระโดด

1. สำรวจความเป็นตัวคุณ

คุณเคยถอยหลังออกมาจากเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำซาก แล้วมาสังเกตตัวเองบ้างไหม หากยังอยู่ท่ามกลางประเด็นปัญหาในชีวิต ย่อมเต็มไปด้วยความคิดว้าวุ่นและความวุ่นวายใจ ยิ่งปัญหาอยู่ใกล้ตัวมาก ยิ่งจมจ่อมมาก จึงยากที่จะมองเห็นสิ่งที่เป็นจริงๆ

ดังนั้นอาจจะดีกว่า ถ้าเราขอเวลานอกให้กับตัวเอง แล้วตั้งคำถามเหล่านี้ เรารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เป็นอยู่ พฤติกรรม ความเชื่อ ความคิด อารมณ์ที่เป็นอยู่นี้ มันได้ให้ประโยชน์อะไรกับเราหรือเปล่า? สิ่งเหล่านี้มันให้พลังกับเรา หรือบั่นทอนพลังของเรา? ผลกระทบที่มีต่อตัวเอง และความสัมพันธ์กับคนอื่นเป็นอย่างไร?

ในขั้นแรกนี้ เพียงสร้าง “ความตระหนักรู้” ขึ้นมามองให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างที่มันเป็นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ ความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างไร และมีประโยชน์กับเราหรือไม่ ?

2. การเปลี่ยนแปลง คือการปล่อยวาง

เราต้องปล่อยวางอะไรล่ะ มันอาจจะเป็นเรื่องราวที่เรามักบอกกับตัวเองว่า เราไม่มีทางทำได้ เราคงทำไม่สำเร็จ เพราะเราไม่ได้เรื่องและไม่ดีพอที่จะเปลี่ยนชีวิตให้เป็นอย่างที่เราต้องการได้ ความเชื่อที่ลดพลังเหล่านี้ มันคอยฉุดรั้งเราไว้ ไม่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงได้เลย

และเมื่อเวลาผ่านไป เรามักจะมีเหตุผลมาสนับสนุนให้ความเชื่อนี้ ดูเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเราแยกไม่ออกว่า มันคือความจริง หรือมันเป็นแค่ความเชื่อที่เราสะสมไว้เอง ทุกครั้งที่เราบอกว่า ฉันเป็นคนโชคร้าย ขาดโอกาส ไม่มีใครรักฉันจริง มันทำให้เราสามารถโทษคนอื่น โทษสถานการณ์ โทษโลกใบนี้ได้ โดยที่ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย นอกจากมีชีวิตแย่ๆต่อไป

ในขั้นที่สอง ให้ถามตัวเองว่า เราใช้ชีวิตด้วยความเชื่อแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ? จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไหม ?

เราจะต้องปล่อยวางความคิดอะไรบ้าง เพื่อก้าวต่อไป?

3. ตัดสินใจว่า อะไรคือความต้องการที่แท้จริงในชีวิต

มันอาจต้องใช้เวลาหลายปี ที่คนๆหนึ่งจะเข้าใจตัวเองว่า ทำไมเราถึงเป็นคนเช่นนี้  โดยมากเรามักมองเห็นแต่คนอื่น เราอาจจะไม่พอใจตัวเองเพราะอยากเป็นเหมือนคนอื่น อยากได้รับการยอมรับตามเสียงสังคม อยากทำให้สำเร็จตามเสียงแห่งความคาดหวัง โดยที่ไม่ได้มองว่าที่จริงแล้วเราคือใคร เราไม่รู้ว่าความต้องการที่แท้ของตัวเองคืออะไร เราละเลยเสียงของตัวเองมานานมาก มันเบาจนตัวเราแทบไม่ได้ยิน

เมื่อเราไม่ยอมรับตัวเอง เราจึงต้องพยายามมากเกินไป จนรู้สึกกังวล เหนื่อยหน่าย หมดหวัง ในที่สุดก็กลายเป็นนิสัยบ่อนทำลายตัวเอง กินมากเกินไป เมาหัวราน้ำ นอนไม่หลับ และเป็นโรคซึมเศร้า

ในขั้นที่สาม ให้เราสำรวจความต้องการที่แท้จริงจากเบื้องลึกของจิตใจ และตั้งเป้าหมายที่มาจากตัวเอง 100%

หากต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งใด ต้องมาจากตัวเอง ไม่ใช่อยากพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น

4. ลงมือกระทำจากพลังข้างใน

เมื่อเราได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ที่จะปล่อยวางเรื่องราวเก่าๆและมุ่งไปสู่เป้าหมายใหม่ๆ เราจะรู้ได้เองว่า หากสิ่งนั้นเป็นความต้องการเบื้องลึกในจิตใจ แม้จะยากลำบาก แต่เราจะทำมันได้อย่างไม่ฝืนใจ ไม่ทรมาน แต่ถ้าไม่ใช่ เพียงเจอความลำบากนิดหน่อย เราก็จะล้มเลิกไปอย่างง่ายๆ

ในขั้นที่สี่ หากเราเดินตามเสียงเรียกร้องในใจ นั่นจึงจะเรียกพลังแห่งการลงมือทำที่แท้จริงของเราออกมา

5. ยินดีกับการเปลี่ยนแปลง แม้เพียงก้าวเล็กๆ

สุดท้าย ขอให้ระวังไว้ว่า หากเราลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองเมื่อไหร่ จะมีบางคนที่พยายามจะหยุดยั้ง ขัดขวาง หรือคอยซ้ำเติมเรา อาจเป็นเพราะความหวังดี หรือไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลงของเรา ดังนั้นให้แน่ใจว่า เราอยู่ท่ามกลางผู้ที่มีความคิดและทัศนคติที่สนับสนุนและส่งเสริมกัน

แน่นอนว่า ความคิด ความเชื่อ และพฤติกรรมเดิมๆที่สะสมไว้ จะยังส่งผลต่อเราอยู่ เราจะยังไม่ลืมมันไปง่ายๆ ดังนั้นถ้าเผลอกลับไปทำตัวแบบเดิมๆ ก็อย่าโทษตัวเอง เมื่อรู้สึกตัวเมื่อไหร่ จงให้อภัยตัวเองแล้วกลับมาทำตามที่เราตั้งใจทันที การเปลี่ยนแปลงชีวิตแบบก้าวกระโดด เริ่มจากก้าวเล็กๆเสมอ ให้เราเขียน “บันทึกความสำเร็จ” ในทุกๆคืนก่อนนอน

 ในขั้นสุดท้าย เขียนความสำเร็จในวันนี้สัก 5 ข้อ เพื่อชื่นชม ให้กำลังใจ มองเห็นชัยชนะของตัวเอง

เราอาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีแบบพลิกฝ่ามือ แต่มันจะเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

ความสำเร็จเล็กๆในวันนี้ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเรื่องที่ยากและยิ่งใหญ่กว่าในอนาคตได้อย่างแน่นอน

บทความโดย เรือรบ

Share this

Related Posts

Previous
Next Post »