ผอม รวย มีความสุข

มีการสำรวจที่อเมริกาว่าอะไรคือ ความฝันของคนอเมริกันส่วนใหญ่ คำตอบ 2 เรื่องแรกไม่น่าแปลกใจนั่นคือ คนอเมริกันส่วนใหญ่ถ้าเลือกได้อยากรวย และอยากมีความสุข เรื่องที่น่าประหลาดใจก็คือ เรื่องที่สามที่พวกเขาบอกว่า "อยากผอม" เหตุผลคงเป็นเพราะว่าคนอเมริกันจำนวนมาก อาจจะครึ่งหนึ่งของประเทศ มีน้ำหนักตัวเกินและเป็นปัญหาหรือเขาคิดว่าจะเป็นปัญหาต่อสุขภาพของเขา

การที่คนส่วนใหญ่ตอบว่าอยากรวยและอยากมีความสุขนั้น สะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่นั้น แม้ว่าจะอยู่ในประเทศที่ร่ำรวยมากแต่เขาก็ยังไม่รวย และความสุขก็ยังอาจจะมีน้อยกว่าประเทศยากจนอีกหลายแห่ง แม้ว่าจะมีเงินจับจ่ายใช้สอยมากมาย ข้อสรุปก็คือ คนอเมริกันนั้น ส่วนใหญ่ยังไม่รวย อาจจะยังไม่มีความสุขเท่าที่ควร และน้ำหนักตัวเกิน และทั้งสามสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ดังนั้นพวกเขาจึง "ฝัน" ที่จะเป็น

คนไทยแล้ว คนส่วนใหญ่อาจจะรู้สึกว่า การที่จะผอมนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก เช่นเดียวกัน ความสุขก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ความพยายามนัก แต่การที่จะรวยนั้น ดูเหมือนว่าคนจำนวนมากจะรู้สึกว่ามันเป็นความฝันจริงๆ แต่ถ้าถามคนที่มีน้ำหนักตัวเกินมากๆ ซึ่งยังมีน้อยในสังคมไทย เขาอาจจะบอกว่าการลดน้ำหนักให้ผอมนั้น เป็นเรื่องยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เป็นเรื่องในความฝัน และความสุขนั้น สำหรับหลายคนก็ยังกระท่อนกระแท่นตราบที่ยังติดหนี้สินมากมาย

วิธีที่จะทำให้ผอม รวย และมีความสุขนั้น ผมคิดดูแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากและมันเป็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของจิตใจและวินัยในการปฏิบัติตามหลักการที่ถูกต้อง ซึ่งง่ายและพิสูจน์ได้ไม่ว่าจะโดยทางวิทยาศาสตร์หรือทางสถิติ

การที่จะทำให้ผอมนั้น ผมคิดว่าวิธีที่ให้ผลดีที่สุดก็คือ การกินให้น้อยและใช้พลังงานให้มาก ร่างกายก็จะค่อยๆ สลายไขมันส่วนเกินออกไปใช้ ในไม่ช้าร่างกายก็จะผอมลงโดยเราไม่ต้องกินยาหรือเข้าคอร์สลดน้ำหนักอะไรเลย ว่าที่จริง เราอาจจะไม่ต้องออกกำลังหรือใช้พลังงานเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เราเพียงแต่ค่อยๆ ลดอาหารลงวันละเล็กละน้อย ในที่สุดเราก็ผอมลงโดยอัตโนมัติ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องมีวินัยในการควบคุมอาหารมื้อแล้วมื้อเล่า วันแล้ววันเล่า จนถึงจุดที่ร่างกายเราผอมลงจนเราพอใจ หลังจากนั้นเราก็ต้องรักษาระดับของการกินไม่ให้เพิ่มกลับขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม การทำอย่างนั้นจะง่ายขึ้นมากเพราะเราจะเริ่มชินกับการกินน้อยแล้ว


ความสุขนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่าวัตถุมาก เงินที่จะต้องใช้เพื่อซื้อความสุขนั้น จริงๆ แล้วใช้น้อยมาก คนส่วนใหญ่น่าจะมีรายได้เพียงพอที่จะซื้อสินค้าหรือบริการเพื่อสนองตอบต่อร่างกายของเรา แต่สิ่งที่ทำให้คนเราไม่มีความสุขนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการไปเปรียบเทียบกับคนอื่นและการ "ไม่รู้จักพอ" ดังนั้น การที่จะทำให้ตนเองมีความสุขนั้น จริงๆ แล้วง่ายมาก นั่นคือ ใช้ชีวิตที่พอเพียง แต่ถ้ายังมีปัญหาก็ลองศึกษาธรรมะดู

ความร่ำรวยนั้น คนอาจจะคิดว่าตนเองไม่มีวันรวยได้เพราะเหตุผลต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่ง ตนเองไม่มีมรดกไม่ได้เป็นผู้ประกอบการ และไม่ได้เป็นผู้บริหารระดับสูงที่มีเงินเดือนสูงลิ่ว แต่ผมอยากจะบอกว่า ความร่ำรวยนั้นทำได้ไม่ยาก มันคล้ายๆ กับการทำให้เราผอม หลักการง่ายๆ ก็คือ เราต้องหารายได้ให้มาก ใช้จ่ายให้น้อยหรือใช้แล้วต้องเหลือเก็บอย่างน้อย 10% ของรายได้ แล้วนำเงินนั้นไปลงทุนหาผลประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ในที่สุดเราก็จะต้องรวย จะรวยเมื่อไรหรือจะรวยแค่ไหนขึ้นอยู่กับสถานะของแต่ละคน แต่อย่างน้อยถ้าเรามีเวลาเก็บเงิน 10% ของรายได้ และลงทุนได้นานเป็นเวลาถึง 30 ปีขึ้นไป โอกาสที่เราจะรวย คือ มีเงินมากพอที่จะเลี้ยงเราได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องทำงานก็เป็นไปได้สูงมาก

ประเด็นที่ยากของการทำให้รวยนั้น ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการลงทุนซึ่งผมจะพูดต่อไป แต่สิ่งที่ยากสำหรับคนส่วนใหญ่ก็คือ การเก็บเงิน 10% ของรายได้ทุกเดือน วิธีที่ดีกว่าก็คือ แทนที่จะเก็บเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายตอนปลายเดือน เราควรจะต้องจ่ายอย่างน้อย 10% ในวันแรกที่รับเงินเดือนเข้า "กองทุนเพื่ออนาคต" ของเรา ที่เหลืออีก 90% จึงนำไปจัดสรรใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเราจะต้องทำแบบนี้กับเงินทุกก้อนโดยไม่มีข้อยกเว้นมิฉะนั้นแล้ว เราก็จะมีข้อยกเว้นอยู่เรื่อยๆ จนในที่สุดแผนการแห่งความร่ำรวยก็จะล้มเหลว

ประสิทธิภาพและความสามารถในการลงทุนอาจเป็นเรื่องที่ทำให้คนรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถรวยได้ แต่นี่เป็นความเข้าใจผิด ข้อเท็จจริงก็คือ เราสามารถลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีพอที่จะทำให้เรารวยได้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าจะเลือกหุ้นลงทุนอย่างไร นั่นก็คือ ถ้าเราไม่มีความสามารถในการวิเคราะห์เลือกหุ้นลงทุน เราก็สามารถซื้อกองทุนรวมหุ้นที่อิงดัชนีหรือซื้อหุ้น TDEX ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นขนาดใหญ่ และมีสภาพคล่องมากที่สุดในตลาด 50 บริษัทได้ ซึ่งในระยะยาว น่าจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นถึงปีละ 10% ซึ่งจะทำให้เงินที่เราสะสมมาอย่างต่อเนื่อง เพิ่มพูนขึ้นจนทำให้เรารวยได้โดยที่ความเสี่ยงที่เราจะไม่รวยมีน้อย และความเสี่ยงที่เงินต้นของเราจะหดหายนั้น แทบจะไม่มีเลยถ้าเราลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 15-20 ปีขึ้นไป

ถ้าเรายังไม่แน่ใจกับการลงทุนในหุ้น 100% เราก็สามารถที่จะกระจายการลงทุนไปยังกองทุนตราสารหนี้ รวมทั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และเงินสดบางส่วนได้ โดยที่สัดส่วนของหุ้นไม่ควรต่ำกว่า 50% การทำอย่างนั้นอาจทำให้เรารวยช้าลงบ้าง แต่เราก็น่าจะยังรวยได้อยู่ดีด้วยพลังของการเก็บออม และการทบต้นเป็นระยะเวลายาวนาน

ด้วยวิธีการต่างๆ ดังที่กล่าวข้างต้น ผมเชื่อว่า ความฝันที่จะรวยนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของคนโดยเฉลี่ย มันคงยากเท่าๆ กับคนน้ำหนักเกินที่ต้องการทำตัวให้ผอม และคนที่ทุกข์ต้องการมีความสุข มันเป็นเรื่องที่ทำได้แน่นอน และทุกอย่างนั้นอยู่ที่ใจมากกว่าความรู้ และความสามารถพิเศษอื่นๆ




30 ตุลาคม พ.ศ. 2550
คอลัมน์ โลกในมุมมองของ Value Investor ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

Share this

Related Posts

Previous
Next Post »